BlackRock กับเกม Staking ETH: การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการ Crypto

เมื่อบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกยื่นขอ Ethereum staking ETF แม้แต่กลุ่ม Bitcoin Maximalist ยังต้องหยุดดู นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเอกสาร แต่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของโมเดลการประเมินค่า ETH

จากสินทรัพย์เก็งกำไร สู่เครื่องสร้างรายได้

ปัจจุบัน Ethereum ให้ผลตอบแทน 3.5% ต่อปีผ่านการ Stake ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติวงการการเงินแบบดั้งเดิม โดยเปลี่ยน ETH จากสินทรัพย์เก็งกำไร เป็นเหมือนหุ้นเทคโนโลยีที่จ่ายปันผล

ประเด็นสำคัญ:

• เสนอคุณค่าสองทาง: การเพิ่มขึ้นของราคา + ผลตอบแทน -อุปทานที่ลดลงเมื่อสถาบันเลือก Stake แทนการเทรด
• อาจถูกประเมินใหม่ในฐานะสินทรัพย์สร้างรายได้

วิธีการ Stake ของ ETF

ETF ต้องการสภาพคล่องทันที แต่ ETH ที่ Stake แล้วถอนออกมาใช้เวลา คาดว่า BlackRock จะใช้ 3 วิธีหลัก:

1. โปรโตคอล LSD: อาจใช้ stETH ของ Lido
2. โซลูชั่นจาก CEX: cbETH ของ Coinbase ในฐานะตัวเลือกที่สอดคล้องกฎหมาย
3. Buffer Pool: สำรอง ETH บางส่วนไว้เพื่อจัดการสภาพคล่อง

ใครได้ประโยชน์ที่สุด?

โปรโตคอล LSD:

• ได้รับ AUM เพิ่มจาก ETF
• แต่ก็อาจถูกตรวจสอบมากขึ้นจากหน่วยงานกำกับดูแล

Centralized Exchanges:

• Coinbase อาจกลายเป็นผู้ให้บริการ Stake ระดับสถาบันชั้นนำ

เครือข่าย Ethereum:

• การกระจายอำนาจของ Validator เพิ่มขึ้น
• อัตราการเผาผลาญสูงขึ้นจากกิจกรรมบนเครือข่าย

คำถามสำคัญ: ราคา $15,000 เป็นไปได้ไหม?

Thesis ของ EMJ Capital มีเหตุผล:

1. ผลตอบแทน 3.5% ดึงดูดกองทุนรายได้
2. อุปทานลดลงหลัง Merge สร้างความขาดแคลน
3. การใช้งาน Layer2 เพิ่มขึ้น
4. เงินไหลเข้าอาจมากกว่า Bitcoin spot ETF